
พัทยาผงาด: คลื่นทุนต่างชาติและโครงการใหม่ขับเคลื่อนการเติบโตอสังหาริมทรัพย์
July 18, 2025
พัทยาผงาด:
คลื่นทุนต่างชาติและโครงการใหม่ขับเคลื่อนการเติบโตอสังหาริมทรัพย์
ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในพัทยา จังหวัดชลบุรี กำลังแสดงสัญญาณการเติบโตอย่าง มีนัยสำคัญในช่วงปี 2566-2567 โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักสองประการคือการกลับมาอย่างแข็งแกร่งของกำลังซื้อจากนักลงทุนต่างชาติและการเปิดตัวโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ของผู้ประกอบการรายใหญ่
แม้ภาพรวมตลาดในบางส่วนจะแสดงถึงภาวะอุปทานส่วนเกินแต่ข้อมูลการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของชาวต่างชาติและทิศทางการลงทุนในโครงการระดับบนได้ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมั่นและศักยภาพการเติบโตที่แข็งแกร่งของเมืองท่องเที่ยวแห่งนี้ บทความนี้จะวิเคราะห์ถึงพลวัตดังกล่าวโดยอาศัยข้อมูลเชิงประจักษ์จากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์(REIC) และแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถืออื่นๆเพื่อฉายภาพการเติบโตและระบุกลุ่มนักลงทุนต่างชาติที่เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนตลาด
คลื่นการลงทุนจากต่างชาติ : สถิติใหม่ที่น่าจับตา
ข้อมูลล่าสุดจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ได้ตอกย้ำถึงความร้อนแรงของตลาดพัทยา โดยในปี 2566 จังหวัดชลบุรีได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ด้วยการก้าวขึ้นเป็นจังหวัดที่มีจำนวนหน่วยการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของชาวต่างชาติสูงที่สุดในประเทศไทยเป็นครั้งแรกแซงหน้ากรุงเทพมหานครที่ครองอันดับหนึ่งมาโดยตลอด จากรายงานสถานการณ์การโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติทั่วประเทศ ประจำปี 2566 พบว่า:
จำนวนหน่วย:
จังหวัดชลบุรีมีจำนวนการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้แก่ชาวต่างชาติสูงถึง 5,935 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 41.1 ของทั้งประเทศ
มูลค่าการโอน:
แม้ในเชิงมูลค่าจะยังเป็นรองกรุงเทพมหานคร แต่ก็มีมูลค่าสูงถึง 18,221 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงปริมาณความต้องการที่หนาแน่นในพื้นที่
การเติบโตนี้สอดคล้องกับภาพรวมของประเทศที่มียอดโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของชาวต่างชาติรวม 14,449 หน่วย เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึงร้อยละ 25.0 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าประเทศไทย โดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยวอย่างพัทยา ยังคงเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนและผู้ที่ต้องการบ้านหลังที่สอง
ใครคือผู้ซื้อรายใหญ่ในตลาดพัทยา?
เมื่อพิจารณาถึงสัญชาติของผู้ซื้อที่เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนตลาดแม้จะไม่มีการเปิดเผยข้อมูลจำแนกรายสัญชาติเฉพาะของเมืองพัทยาโดยตรง
แต่ข้อมูลในระดับประเทศสามารถชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มที่ชัดเจนซึ่งสอดคล้องกับภาพที่นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่สัมผัสได้ โดย 5 อันดับแรกของสัญชาติที่โอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดในไทยมากที่สุด (ข้อมูลภาพรวมปี 2566) ประกอบด้วย:
1.จีน
ยังคงเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ที่สุดทั้งในเชิงจำนวนหน่วยและมูลค่าการลงทุนการกลับมาเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบส่งผลให้กำลังซื้อจากจีนหลั่งไหลเข้าสู่ตลาดอสังหาฯไทยอีกครั้ง
2.รัสเซีย:
ก้าวขึ้นมาเป็นกลุ่มผู้ซื้อที่โดดเด่นอย่างยิ่งโดยมีปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์เป็นตัวเร่งให้เกิดความต้องการที่อยู่อาศัยในประเทศไทยซึ่งถูกมองว่าเป็น
"เซฟโซน" (Safe Zone) ส่งผลให้ชาวรัสเซียเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในพัทยาเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด
3.สหรัฐอเมริกา:
เป็นกลุ่มผู้ซื้อที่มีอยู่อย่างต่อเนื่องและมีเสถียรภาพ
4.เมียนมา:
เป็นอีกหนึ่งสัญชาติที่น่าจับตามอง โดยมีมูลค่าการซื้อเฉลี่ยต่อยูนิตค่อนข้างสูง
5.ไต้หวัน/ฝรั่งเศส:
เป็นกลุ่มนักลงทุนจากเอเชียและยุโรปที่ให้ความสนใจตลาดไทยอย่างสม่ำเสมอ
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการในพื้นที่พัทยายังระบุถึงกลุ่มผู้ซื้อจากเกาหลีใต้ที่ให้ความสนใจโครงการระดับไฮเอนด์ซึ่งมีราคาสูง สะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายของกลุ่มลูกค้าต่างชาติในปัจจุบัน
การเพิ่มขึ้นของอุปทานใหม่: ความเชื่อมั่นของนักพัฒนา
แม้จะมีรายงานบางส่วนชี้ถึงภาวะอุปทานคงค้างในตลาดเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) แต่ความเคลื่อนไหวของผู้พัฒนารายใหญ่กลับสวนทางกัน โดยในช่วงปี 2566-2567 มีการประกาศเปิดตัวโครงการใหม่ในพัทยาอย่างคึกคักโดยเฉพาะโครงการในระดับลักชัวรีและซูเปอร์ลักชัวรี บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนลประเทศไทย ได้คาดการณ์ว่าในปี 2567 จะมีคอนโดมิเนียมเปิดใหม่ในพัทยากว่า 5,000 ยูนิต ซึ่งเป็นจำนวนที่สูงที่สุดในรอบ 3 ปี การลงทุนระลอกใหม่นี้สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการต่อศักยภาพของพัทยาโดยมีปัจจัยสนับสนุนได้แก่
การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว:
การกลับมาของนักท่องเที่ยวเต็มรูปแบบเป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นความต้องการที่อยู่อาศัยเพื่อการพักผ่อนและเพื่อการลงทุนปล่อยเช่า
โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC):
การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ทั้งรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน และการขยายสนามบินอู่ตะเภาจะยกระดับศักยภาพของพัทยาในระยะยาว ดึงดูดบุคลากรและนักลงทุนเข้าสู่พื้นที่
ราคาที่ดินที่ปรับตัวสูงขึ้น:
รายงานจาก REIC ชี้ว่าดัชนีราคาที่ดินเปล่าในอำเภอบางละมุง (ที่ตั้งของเมืองพัทยา) ในไตรมาส 4 ปี 2566 เพิ่มขึ้น
ถึงร้อยละ 50.6 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความต้องการที่ดินเพื่อการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยและโรงแรมที่เพิ่มสูงขึ้น
บทสรุปและแนวโน้มในอนาคต
ตลาดอสังหาริมทรัพย์พัทยากำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านที่น่าสนใจด้วยแรงขับเคลื่อนจากกำลังซื้อต่างชาติที่แข็งแกร่งอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
โดยเฉพาะจากจีนและรัสเซีย ควบคู่ไปกับการลงทุนในโครงการใหม่ๆ
ของผู้ประกอบการที่มุ่งเจาะตลาดระดับบนมากขึ้น แม้จะยังมีความท้าทายในเรื่องอุปทานคงค้างในบางระดับราคาแต่ปัจจัยบวกจากการท่องเที่ยวและโครงการ EEC จะยังคงเป็นแม่เหล็กดึงดูดการลงทุนและผลักดันให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์พัทยาเติบโตต่อไปในอนาคตสำหรับปี 2567-2568
คาดว่าแนวโน้มนี้จะยังคงดำเนินต่อไปโดยตลาดจะถูกขับเคลื่อนด้วยโครงการคุณภาพสูงที่ตอบสนองต่อไลฟ์สไตล์ของชาวต่างชาติและผู้มีกำลังซื้อสูงขณะเดียวกัน การแข่งขันในตลาดก็จะสูงขึ้นตามไปด้วยซึ่งจะเป็นบทพิสูจน์สำคัญสำหรับผู้ประกอบการในการปรับกลยุทธ์เพื่อคว้าโอกาสจากการเติบโตในครั้งนี้
เอกสารอ้างอิง
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC), "รายงานสถานการณ์การโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติ
ไตรมาส 4 ปี 2566 และภาพรวมปี 2566", เมษาเมษายน 2567
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC), "รายงานดัชนีราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนาในพื้นที่ EEC ไตรมาสที่ 4 ปี 2567", มีนาคม 2568 (หมายถึงข้อมูล ณ สิ้นปี 2567).
ฐานเศรษฐกิจ,
"ต่างชาติโอนห้องชุดปี66 14,449 หน่วย 73,161 ล้าน ชลบุรีอันดับ1 จีนแชมป์", 3 เมษายน 2567.
หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ,"อานิสงส์ท่องเที่ยวดันคอนโดพัทยาฟื้นจับตาแสนสิริผุดคอนโดหรู", 26 เมษายน 2567.
หนังสือพิมพ์มติชน,
"อสังหาพัทยาคึก ต่างชาติ เศรษฐีไทยแห่ช้อปคอนโด ดันที่ดินพุ่งวาละ 1 ล้าน", 26 มีนาคม 2567.