
ข้อมูลสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2568 และทิศทางแนวโน้มสำหรับปี 2568
July 21, 2025
ข้อมูลสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2568
และทิศทางแนวโน้มสำหรับปี 2568
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์
(REIC) และ ธนาคารอาคารสงเคราะห์
(ธอส.) ได้เปิดเผยข้อมูลสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2568 และทิศทางแนวโน้มสำหรับปี 2568 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงภาวะการ
ชะลอตัวของตลาดที่อยู่อาศัยโดยรวมอย่างไรก็ตาม มาตรการกระตุ้นจากภาครัฐและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)คาดว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนให้
ภาคอสังหาริมทรัพย์เริ่มฟื้นตัวดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ของปี 2568เป็นต้นไป
สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในปี 2567 ส่งผลกระทบต่อเนื่องมายังตลาดที่อยู่อาศัยในไตรมาสที่
1 ของปี 2568
ทำให้ภาพรวมปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
การโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ ในไตรมาสที่ 1
ปี 2568 มีจำนวนรวม 65,276 หน่วย ลดลงร้อยละ -10.5 และมีมูลค่า 181,545 ล้านบาท ลดลงร้อยละ -13.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY)
การชะลอตัวนี้เกิดขึ้นในทุกภูมิภาค
จังหวัดที่มีมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์สูงสุด 10 อันดับแรก พบว่า จังหวัดระยอง และ สุราษฎร์ธานี มีการโอนกรรมสิทธิ์เพิ่มขึ้นทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่า
จังหวัดภูเก็ต มีจำนวนหน่วยเพิ่มขึ้นแต่มูลค่าลดลง จังหวัดสมุทรปราการ มีจำนวนหน่วยลดลงแต่มูลค่าเพิ่มขึ้น
จังหวัดที่การโอนกรรมสิทธิ์ลดลงทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่า ได้แก่ กรุงเทพฯ
ชลบุรี นนทบุรี ปทุมธานี เชียงใหม่ และนครราชสีมา
สินเชื่อที่อยู่อาศัยบุคคลปล่อยใหม่ มูลค่ารวม 109,368
ล้านบาท ลดลงร้อยละ -10.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)
ยังคงมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์ของประเทศ
โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัยปล่อยใหม่สูงถึง ร้อยละ 42.8
การโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติทั่วประเทศ ในไตรมาสที่ 1
ปี 2568 ก็มีการชะลอตัวเช่นกัน โดยมีจำนวน 3,919 หน่วย ลดลงร้อยละ -0.5 และมีมูลค่ารวม 16,392 ล้านบาท
ลดลงร้อยละ -9.0 โดยคนต่างชาติมีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ 29.3 ของมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ทั้งหมด
3 สัญชาติแรกที่มีจำนวนหน่วยการโอนกรรมสิทธิ์สูงสุด ได้แก่
อันดับ 1 จีน: 1,481 หน่วย (ลดลงร้อยละ -7.2) มูลค่า 6,117 ล้านบาท (ลดลงร้อยละ -19.2)
อันดับ 2 พม่า: 439 หน่วย (เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.0) มูลค่า 1,587 ล้านบาท (ลดลงร้อยละ -28.1)
อันดับ 3 รัสเซีย: 288 หน่วย (ลดลงร้อยละ -2.4) มูลค่า 987 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.9)
โดยได้มีมาตรการกระตุ้นจากภาครัฐและธนาคารแห่งประเทศไทยดังนี้
1. มาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง สำหรับที่อยู่อาศัยระดับราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท
เหลือเพียง 0.01% โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน 2568 ถึง 30 มิถุนายน 2569
2. การผ่อนคลายเกณฑ์ LTV (Loan-to-Value) ชั่วคราว โดยธนาคารแห่งประเทศไทย
สำหรับสินเชื่อที่อยู่อาศนทุกระดับราคา มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2568 ถึง 30 มิถุนายน 2569
มาตรการเหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญต่อตลาดที่อยู่อาศัย
และคาดว่าจะส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจในระยะยาว
โดยจะช่วยแก้ปัญหาการชะลอตัวของตลาดที่อยู่อาศัยได้ทันสถานการณ์
และส่งผลให้ตลาดที่อยู่อาศัย ฟื้นตัวดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 เป็นต้นไป
ทิศทางตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2568 จากค่าเฉลี่ยการคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจในปี
2568 โดยสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(สศช.), สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
(สศค.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ทำให้ REIC ปรับคาดการณ์ทิศทางตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2568
โดยคาดว่าจะอยู่ในระดับ ทรงตัว
หรือชะลอตัวลงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับปี 2567
คาดการณ์จำนวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในปี
2568 จะ ลดลงเพียงร้อยละ -0.3
มูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์จะ ลดลงร้อยละ -0.8 และ มูลค่าสินเชื่อที่อยู่อาศัยบุคคลปล่อยใหม่ทั่วประเทศคาดว่าจะ ลดลงร้อยละ –0.3
ที่มา ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์,